Advertisement

14.3.13

มอบของขวัญ แบ่งปันความคิด(ความรู้สึก)





     ปลายปีที่แล้วตั้งใจซะดิบดีว่าจะกลับมาเขียน Blog ให้จริงจัง ปรากฏว่าต้องทำธีสิสเสียจนไม่มีเวลา(ไม่นับเวลาที่เอาไปไร้สาระนะ) จนในที่สุดธีสิสของผมและเพื่อนๆ ในแสดงวรรณกรรมสำหรับเด็กนิพนธ์ประจำปีการศึกษา 2555 ก็จบลงไปอย่างทุลักทุเล คนเหนื่อยก็เหนื่อยแทบตาย คนสบายก็สบายเหลือเกินไม่คิดจะช่วยห่านไรบ้างเลย แต่ก็ผ่านมาได้แล้วล่ะครับช่างหัว(แม่ง)มันเถอะ
   

     งานนี้จัดขึ้นเมื่อวันที่ 1-3 มีนาคม 2556 ที่ผ่านมา โดยใช้ชื่องานว่า "มอบของขวัญ แบ่งปันความคิด" มีมาสคอตเป็นน้องกระต่ายสีขาวแสนน่ารัก ธีมงานจะเป็นแนวของขวัญๆ ปาร์ตี้เล็กๆ เก๋ๆ ใครที่มีโอกาสได้ไปงานจะเห็นกล่องขวัญกล่องใหญ่ๆ วางอยู่ในวาง ขอบอกเลยว่าเค้านี่ล่ะบิ๊วเองกับมือ อิอิ แต่ก็ไม่ได้ทำเองทั้งหมดนะครับก็มีเพื่อนๆ ช่วยกันดู ช่วยกันทำอยู่ ถึงได้ออกมาน่ารักดูดี
     
     ในงานก็มีการมอบรางวัลสารนิพนธ์ดีเด่น สารนิพนธ์ดีเด่น และรางวัลสามทหารเสือ โดยผู้ที่ได้รับรางวัลสานิพนธ์ดีเด่นประจำปีนี้คือ น.ส.สุวารินทร์ เหลาคำ หรือเชียงใหม่กับผลงานแนวสารคดีที่ชื่อว่า "ลูกหล่าคำแพง : ความรักความห่วงใยส่งต่อจากรุ่นสู่รุ่น" คนชอบเยอะมากจริงๆ และเชียงใหม่ก็ตั้งใจทำงานชิ้นนี้มากจริงๆ ลงพื้นที่เก็บข้อมูลจากผู้เฒ่าผู้แก่จริง รูปเล่มก็น่ารักดีจริงๆ 


     ส่วนรางวัลสารนิพนธ์ยอดเยี่ยมนั้นมีสองรางวัลด้วยกัน โดยผู้ที่ได้รับรางวัลก็คือ น.ส.อชิรญา บัณฑิตานนท์ หรือ อชิ กับผลงานหนังสือภาพสำหรับเด็กเรื่อง "ตรงนี้ดีที่สุด" เด็กน้อยที่ชอบไปเที่ยวเล่นและซุกซนอยู่ในที่ต่างๆ แต่มีแค่ที่เดียวเท่านั้นแหละที่เธอชอบมากที่สุด 
     ส่วนอีกเล่มก็คือผลางานของ น.ส. วิชุดา อุ่นแสงจันทร์ หรือเอ๊ะเอ กับภาพงานหนังสือภาพสำหรับเด็กเรื่อง "แสบ นิดเดียว" เรื่องของสาวน้อยที่กลัวการทายาทำแผล พี่สาวแสนน่ารักก็เลยต้องแปรงกายเป็นนางฟ้ามาทายาให้น้องสาวบอกแล้วว่า "แสบนิดเดียว"


            


      



















     สองเล่มนี้ต้องขอบอกเลยว่าน่ารักมากจริงๆ เด็กๆ และคุณพ่อคุณแม่ที่เข้าชมงานชอบมากและยังมีรางวัลสามทหารเสือที่มอบโดยสามทหารเสือแห่งวงการหนังสือเด็กนั่นก็คือ ครูปรีดา ปัญญาจันทร์ รศ.เกริก ยุ้นพันธ์ และ ครูชีวัน วิสาสะ

      โดยผลงานที่ได้รับรางวัลสามทหารเสือของครูปรีดาไปก็คือผลงานเรื่อง ต้นไม้ของแมนนี่โดย น.ส. ชมพูนุท เหลืองอังกูร หรือแตงโม เป็นเรื่องของเด็ฏชายที่โตอยู๋ในโลกอนาคตที่ไร้ซึ่งต้นไม้แต่ดันอยากปลูกต้นไม้ขึ้นมาและเขาจะทำอย่างไรดีล่ะ ไม่บอกหรอก :P



ส่วนคนที่ได้รางวัลสามทหารเสือของครูเกริกก็คือ น.ส.ชลีนุช เลิศศิรรังสรรค์ หรือโอ๊ะโอ กับหนังสือรวมเรื่องสั้นชื่อ "เปลือก" รวมเรื่องสั้นเจ๋งๆ จำนวน 8 เรื่องที่เกี่ยวกับ "เปลือก" ในแง่มุมต่างๆ ไว้ในหนังสือเล็กๆ เล่มเดียว


และรางวัลสามทหารเสือของครูชีวันผู้ได้รับไปก็คือ น.ส.เพชรเมษา นกเล็ก หรือแอ้น กับ กราฟฟิคโนเวลเรื่อง เอลพิส ภาพสวยเรื่องสนุกนอกจากจะวาดงานตัวเองแล้วเจ้ากระต่ายมาสคอตงานสาวแอ้นผู้นี้ก็เป็นคนวาดนะจ๊ะ


     นอกจากนี้ยังมีรางวัลป็อปปูล่าโหวตที่ให้ผู้เข้าชมงานมีสิทธิโหวตผลงานที่ตัวเองชื่นชอบจำนวนสามชิ้นและทีมงานคุณภาพจะเอาคะแนนไปในและมอบรางวัลในวันสุดท้ายของงานซึ่งผู้ที่ได้รับรางวัลนี้ไปก็คือแตงโมนั่นเอง แหม ก็งานน่ารักซะขนาดนั้นใครเห็นเขาก็ชอบเป็นธรรมดาล่ะ




     งานแสดงวรรณกรรมสำหรับเด็กนิพนธ์นั้นจัดขึ้นในช่วงเดือน กุมภาพันธ์-มีนาคม ของทุกปีที่อุทยานการเรียนรู้ TK Park และในปีต่อไปก็จะเป็นคิวของเอกวรรณกรมสำหรับเด็กรุ่นที่ 17 แล้ว ใครสนใจก็คอยติดตามข่าวสารได้ที่ Facebook Fanpage ของ TK Park เลย

     อาจจะทุลักทุเลและลุ้นระทึกไปบ้างแต่สุดท้ายงานก็ผ่านมาได้ คนทำก็ทำกันไม่ได้หลับได้นอน คนไม่ทำอะไรก็ผ่านมาได้และก็จบไปพร้อมๆ กัน เป็นอย่างนี้มาแต่ไหนแต่ไร จะอย่างไรก็ต้องขอบคุณเพื่อนๆ ที่ช่วย(เพื่อนๆ ที่ช่วย) ลงไม้ลงมือ ลงทุนลงแรง ระดมสมอง อดหลับอดนอน จนงานสำเร็จลุล่วงไปได้ ไม่มีใครเขารู้หรอกว่าใครทำเราไม่ทำคนนอกเขาไม่เห็นการทำงานหรอกมีแต่เราเท่านั้นแหละที่รู้ว่าเราได้ทำรึเปล่า ถือโอกาสแสดงความยินดีและระบายความรู้สึกไปในตัว เพราะ สงสารเพื่อนๆ คนอื่นที่เขาทำงานส่วนกลางจนแทบไม่มีเวลาไปทำงานตัวเองจริงๆ 



พูดมาซะยาวเหยียดแล้วไหนล่ะผลงานธีสิสของเอ๊งฮะไอ้คนเขียน Blog !!

เดี๋ยวเพื่อนจะหาว่าเอาแต่ของเพื่อนมาประจาน ถือว่าโฆษณาตัวเองไปด้วยเลยแล้วกัน 


เป็นวรรณกรรมที่ตั้งใจเขียนให้เด็กแต่ดันต้องกลายเป็นวรรณกรรมเยาวชนซะอย่างนั้นแต่เด็กประถมอ่านแล้วบอกชอบอยากอ่านต่อ เราก็โอเคแล้ว วรรณกรรมสำหรับเด็กและเยาวชน(รั้นจะเอาเด็กให้ได้) เรื่อง "ส่วนหนึ่งของหนู : วันเวลาอันแสนงามของชีวิต แค่คิดก็สุขใจ" เป็นเรื่องราวในวัยเด็กของผมเองเอามาแต่งแต้มสีสันเอามายำนิดหน่อย แล้วจึงออกมาเป็นผลงานเล่มนี้

***ที่นี้ถ้าเพื่อนมาเห็นก็รู้กันเลยล่ะซิว่า Blog นี้ใครเขียน อย่าทำไรเราเลยนะ บ่องตง อิอิ

     ก่อนอื่นต้องขอโทษเพื่อนๆ ที่เอารูปมาลงโดยมิได้ขออนุญาตก่อนดังนั้นเพื่อความเท่าเทียมเราจึงขอเอารูปทุกคนลงไว้เป็นที่ระทึกเลยแล้วกันนะ ขาดเชียงใหม่ไปคนเซเลปคิวยาวเยียด


จบปีสี่แล้วจะเอาข้ออ้างเรื่องเรียนมาอ้างว่าไม่ว่างเขียนblogไม่ได้แล้วสิ ต้องขอบคุณเพื่อนๆ ที่อยู่สู้กันมาตลอดสี่ปี ต่อจากนี้ก็ต้องแยกย้ายกันเดินทางตามฝันของตัวเอง หวังว่าทางของแต่ละคนคงว่าบรรจบได้พบเจอกันบ้างนะ