V-Strom 1000 เป็นรถที่ทาง Suzuki
นำมาพัฒนาและต่อยอดจากรุ่นน้องของมันอย่าง V-Strom 650 หลังจากปี 2009 เจ้าของแบรนด์จากแดนอาทิตย์อุทัย
ได้หันกลับไปหากระดานดำ ทำงานวิจัยให้เสร็จ
และกลับมาด้วยรถที่ได้รับการออกแบบใหม่ทั้งหมดทั้งในด้านของรูปลักษณ์และสมรรถนะเครื่องยนต์
ด้วยความคาดหวังที่จะมาดึงส่วนแบ่งทางการตลาดในกลุ่มรถ Adventure ไปได้บ้าง
หลังจากที่เคยได้มีการทดสอบไปในช่วงเดือนธันวาคม off-road Editor ของ Motorcycle USA นั้นดูจะชื่นชอบเจ้านี่เอามากๆ จนกระทั่งตัวเองต้องลงไปกองอยู่กับยางมะตอยเพราะดันมีน้ำมันหกอยู่บนพื้น
เรามาเริ่มจากรายละเอียดเล็กๆ
น้อยๆ เลยแล้วกัน V-Strom 1000
ได้โยนทุกชิ้นส่วนของโมเดลเก่าออกไป
นั่นก็คือเจ้าโมเดลใหม่มีโครงสร้างตัวถังที่แข็งแกร่งขึ้นสวนทางกลับน้ำหนักที่น้อยลง
เครื่องยนต์ใช้หัวเทียนคู่ที่มีขนาดใหญ่ขึ้นและการจัดการเชื้อเพลิงที่ดีขึ้น
วัดได้จากน้ำหนักรถที่เบาขึ้นและพละกำลังที่มากขึ้น
ทอร์คหรือแรงบิดก็ได้รับการยืนยันว่าเปลี่ยนไปจากโมเดลเดิมด้วยเช่นกัน
ดูเหมือนจะมีเพียงชิ้นส่วนเดียวเท่านั้นที่ยังคงสืบทอดมาจากโมเดลก่อนหน้านั่นก็คือระบบเกียร์
นอกเหนือจากน้ำหนักที่เบาลงและการออกแบบที่แข็งแกร่ง
Suzuki ยังตั้งใจพัฒนา 2014 V-Strom 1000 ให้เป็นรถสไตล์ Adventure ขนานแท้
ด้วยจงอยคล้ายปากนกที่ใต้ไฟหน้า ท่านั่งแบบหลังตั้งตรงและเทคโนโลยีต่างๆ
อย่างแทร็คชั่นคอนโทรลระบบเบรค ABS ติดรถ
V-Strom 1000 ดูจะได้รับอิทธิพลมาจาก Suzuki DR Big รถ Adventure หน้าตาเห่ยๆ
จากทางค่ายที่เปิดตัวในช่วงปี 80’s แต่พอเอาเข้าจริงๆ
ซึ่งที่ V-Storm 1000 แชร์มาจาก DR
Big คือจงอยหน้าที่รถค่ายไหนก็ต้องมี เอาล่ะ เจ้านี่มีจงอยหน้า
ไฟท้าย LED ชิ้นงานอลูมิเนียมขัดเงา
ส่วนอย่างอื่นดูไม่น่าสนใจเท่าไร
การทดสอบเจ้า V-Strom 1000 ในครั้งนี้เราเริ่มจาก Anaheim บนระยะทางกว่า 450
ไมล์ เจอกับสภาพถนนที่หลากหลายที่มั่นใจได้เลยว่าขาซิ่งทัวร์ริ่งแอดเวนเจอร์ต้องอยากพาเจ้า
V-Strom 1000 คู๋ใจไปตะลุยเป็นที่สุดทั้งถนนหลวง
เส้นทางในเมือง เส้นทางที่ขดเคี้ยวบนภูเขา และทางฝุ่น หลังจากที่การทดสอบสิ้นสุดลงบอกได้ว่าเรารู้สึกดีสุดๆ
กับเจ้ารถคันนี้ อย่างแรกที่เราสัมผัสได้คือพื้นดิน
การคร่อมเจ้านี่ไม่ใช่เรื่องยากที่จะเอาเท้าแตะพื้น Suzuki ได้จัดการปาดเบาะใหม่จนเอาเท้าแตะพื้นได้ง่ายๆ
คุณจะรู้สึกทึ้งเมื่อได้ลองคร่อมเจ้านี่
แถมเบาะนั่งยังนุ่มสบายทำให้รถคันนี้ดูปลอดภัยและง่ายต่อการควบคุม
ทีมวิจัยของ
Suzuki พบว่าลูกค้าของพวกเขาต้องการสัมผัสของแรงบิดใน
V-Strom แบบดึงหนักในรอบต่ำแล้วบางๆ ในรอบสูง
ซึ่งแน่นอนว่างานนี้ทีมวิจัยจัดให้ V-Strom นั้นเรียกแรงบิดได้เร้าใจใน
ช่วง 3500 -6000 รอบ/นาที ในแบบที่นักขี่ต่างถวิลหา
เครื่องยนต์ของเจ้านี่ให้ความรู้สึกหนักแน่น
ให้ความรู้สึกของพลังที่ส่งออกมาอย่างนุ่มนวล จนกระทั่งคุณดันมันผ่าน 6000
รอบ/นาที แรงบิดจะเริ่มแผ่วแล้วก็จบ และนั่นล่ะคือเวลาที่คุณต้องสับเกียร์ขึ้น แต่ความจริงแล้วมันยังมีกำลังในรอบกลางจนถึงสูงมากพอที่จะทำให้เจ้านี่พุ่งไปข้างหน้าได้อย่างรวดเร็ว
ไม่มันแค่ไม่สนุกเหมือนตอนที่เครื่องอยู่ในรอบที่เหมาะสมของมัน
การสับเกียร์ให้ถูกจังหวะเป็นกุญแจสำคัญในการขี่รถสูบวีส่วนมาก
การสับเกียร์ให้ถูกจังหวะจะช่วยให้เครื่องยนต์ส่งกำลังให้อย่างสมู้ทและช่วยให้คุณขับขี่ได้สนุกยิ่งขึ้น
แรงบิดของ V-Strom ทำได้ดีกว่าที่เขาคิดไว้มากในช่วงทดสอบบนทางฝุ่น
มันช่วยให้การเปลี่ยนเกียร์นั้นลงตัว
ลดการฟรีทิ้งของล้อและช่วยให้เคลื่อนไปที่ข้างหน้าได้อย่างมั่นคง Suzuki ได้ปรับเปลี่ยนอัตราทดของชุดเกียร์ที่ยังช่วยให้การขับขี่บนท่องถนนทั่วไปนั้นนุ่มนวลขึ้น
V-Strom นั้นนุ่มนวลและเนียนสุดๆ
ไม่ค่อยมีแรงสะท้านและยังมีกำลังที่มากพอที่จะช่วยให้คุณเป็นเจ้าถนนได้ไม่ยาก
ส่วนบนเส้นทางที่คดเคี้ยว
V-Strom ก็ทำให้เราเซอร์ไพรส์สุดๆ ดูเหมือนกับว่าไม่ว่าจะทำอะไรเจ้า
V-Strom ก็ดูลงตัวไปซะหมด เจ้านี่เปลี่ยนทิศทางได้ง่าย
และเรื่องที่น่าประทับใจที่ของเจ้านี่คือความนิ่งตอนอยู่ในโค้ง มันนิ่งมากจนทำให้คนขี่มั่นใจด้วยความรู้สึกที่มั่นคง
ซึ่งมันช่วยให้คุณขี่ได้โดยที่ไม่รู้สึกกดดันทั้งต่อทางร่างกายและจิตใจมากนัก
บวกกับแรงบิดสุดจี๊ดของมันตอนที่คุณเปิดคันเร่งดันออกจากโค้ง นั่นยิ่งทำให้ V-Strom น่าประทับใจและเป็นรถที่ขี่ได้สนุกเอามากๆ
V-Strom ต่างจากรถแอดเวนเจอร์คันอื่นๆ ในคลาส ระบบช่วงล่างของเจ้านี่เอาอยู่แบบสุดๆ
Suzuki จัดระบบช่วงล่างแบบที่ปรับได้เต็มรูปแบบมาให้
จะเว้นก็แต่ระบบอิเล็กทรอนิกส์สำหรับรถแอดเวนเจอร์คันยักษ์แต่ก็ยังถือว่าให้มามากกว่าคันคือๆ
ในรุ่นที่ราคาใกล้กัน ระบบช่วงล่างตอนอยู่ในโค้งทำให้คุณสบายใจ ไม่ออกอาการหรือทำให้ต้องลงไปกลิ้งอยู่บนพื้น
ตัวรถยังคงยึดเกาะกับพื้นถนนอย่างเหนียวแน่น และตลอดการทดสอบเราทำการปรับพรีโหลดโช้คหลังแค่ครั้งเดียวเท่านั้น
เรื่องเซอร์ไพรส์เรื่องต่อมาคือความบาลานซ์ในระบบช่วงล่างของ
Suzuki ที่ทั้งตอบสนองได้ดีและเสถียรแม้ในเส้นทางที่คดเคี้ยว
แถมยังนุ่มนวลและไม่กระเด้ง กระแทกกระทั้น บนถนนที่ขรุขระ
ระบบ Suzuki
Clutch Assist System
หรือสลิปเปอร์คลัทช์ทำงานได้ดีอย่างที่ควรจะเป็น ระบบสลิปเปอร์คลัทช์ช่วยสร้างความแตกต่าง
ทำให้ V-Strom ขี่ได้ง่ายขึ้น การเชนจ์เกียร์ลงแบบบ้าคลั่งติดๆ
กัน อย่างตอนเตรียมเข้าโค้ง นั้นนุ่มนวลไม่กระด้างและลดอาการล้อหลังล็อคอย่างที่เคยๆ
ช่วยให้คุณยึดไลน์ที่ต้องการเอาไว้ได้ด้วยการช่วยเหลือที่มั่นใจและนุ่มนวลของตัวรถ
ระบบเบรค
Tokico ของ V-Strom ก็เหมือนทั่วๆ ไปคือ มั่นใจได้ ระบบเบรคของเจ้านี่ไม่ได้น่าทึ่งหรือน่าประทับใจ
แต่จานเบรคคู่ขนาด 310 มม. นั้นทำได้มากกว่าแค่ทำหน้าที่ได้ดีกว่าแค่ช่วยให้คุณช้าลง
แต่ยังทำให้คุณทึ่งกับความรู้สึกที่คุณจะได้รับการระบบเบรค
พลังเบรคนั้นเกือบจะสุดยอดเว้นแค่ระบบ ABS
ที่คุณสัมผัสได้กันจากก้านเบรคนั้นดีกว่า
เรื่องน่าตกใจที่สุดของ
V-Strom คือระบบอิเล็กทรอนิกส์ที่ให้มา ทั้ง ABS และแทร็คชั่นคอนโทรลที่เป็นระบบพื้นฐานทั่วไปแถมการตั้งค่านั้นก็ไม่ได้ยุ่งยาก
อย่าลืมมาเจ้านี่เป็นรถแนวแอดเวนเจอร์ซึ่งหนึ่งที่สำคัญคือความปลอดภัยไม่ใช่เรื่องของสมรรถนะแบบสุดโต่ง
แต่ระบบช่วงล่างก็ยังคงต้องชัวร์ด้วยเช่นกัน ซึ่งดูเหมือนชาวญี่ปุ่นจะทำเข้าเป้าในทุกข้อ
ระบบ ABS ที่ช่วยเสริมความปลอดภัยนั้นถ้าคุณขับขี่แบบปกติคงไม่มีทางได้ใช้แน่นอน
ระบบ Traction Control ก็เช่นกัน ระบบ Traction นั้นมีให้เลือกใช้ 2 โหมด โหมดที่ 2 คือแบบที่นุ่มนวลกว่าแต่แรงพอจะให้ช่วยคุณออกจากไฟแดงได้อย่างรวดเร็ว
ส่วนโหมดที่ 1
ก็คล้ายๆ กับการขับขี่แบบปกติ
ส่วนที่น่าประทับใจที่สุดคือระบบการตัดกำลังที่นุ่มนวล ต่างจากระบบ TC หลายๆ แบบที่คุ้นๆ กัน คุณแทบจะไม่รู้สึกถึงการตัดกำลังแบบหยาบกระด้างเลยสักนิด
ซึ่งทำให้ปลอดภัย วาล์วคันเร่งตัวที่สองจะตัดการทำงานเพื่อจะจัดการการจ่ายน้ำมันและการจ่ายอากาศ
ซึ่งผลที่ออกมาก็คือความรู้สึกเหมือนรถเสถียรขึ้นแต่ทีจะไปตัดการทำงานของคันเร่ง
ในการทดสอบสองวันเราใช้โหมดที่ 1 ซึ่ง เจ้า V-Strom นั้นให้ความรู้สึกที่ผ่อนคลายสบายๆ แม้บนทางออฟโร้ดโดยที่ไม่มีปัญหาจุกจิกกวนใจ
คงจะไม่แปลกใจกันถ้าจะบอกว่า V-Strom ทำได้ดีไม่ต่างจาก F800GS เพราะว่ามันไม่ใช่ V-Strom นั้นมีระยะจากพื้นที่แคร้งที่ต่ำ
ปิดระบบ ABS ไม่ได้เว้นแต่จะถอดปลั๊กออก
ซึ่งก็ไม่ได้แย่เท่าไร ระยะจากเบาะถึงพื้นก็ดี ส่งกำลังได้อย่างนุ่มนวล
และนุ่มนวลเอามากๆ บนทางฝุ่น
V-Strom จะลุยได้มันกว่านี้ถ้าคุณไปติดกันแคร้งเพิ่มเข้าไป
ทั้งหมดที่กล่าวมาก็คือ
2014 V-Strom 1000 ABS นั้นแสดงให้เห็นถึงความพยายามที่มั่นคงของ Suzuki ซึ่งทางค่ายก็ทำออกมาได้ดี สร้างรถที่ไว้ใจ พึ่งพาได้ ได้ออกมา ที่สำคัญคือทำออกมาได้ดีและนุ่มนวลแบบสุดขีด
หลังจากการทดสอบสองวันด้วยเวลาการขับขี่ที่เหมาะสม
รถคันนี้ได้พิสูจน์แล้วว่าทำได้มากกว่าทำให้คนขี่นั้นสนุก ตำแหน่งท่านั่งที่สบาย
แฮนด์บาร์ออกมาแบบได้เหมาะสม ทุกอย่างดูจะออกแบบมาเพื่อทำให้รถขี่บนระยะทางยาวไกลได้สบายๆ
อย่างกับนั่งกินขนม เรือนไมล์นั้นใช้งานได้งาน คุณไม่จำเป็นต้องจบปริญญาวิทยาศาสตร์คอมพิวเตอร์เพื่อสั่งการหรือตั้งค่าต่างๆ
ที่เรือนไมล์ หน้าจอแสดงผลนั้นอ่านค่าได้ง่ายและระบบการตั้งค่านั้นทำออกมาได้ดี
สำหรับคนตัวสูงเจ้านี่ก็ไม่ได้ทำให้รู้สึกว่าลำบากอะไร แม้ในตำแหน่งเบาะนั่งที่สูงที่สุด
เพราะ Suzuki ได้จัดชิลด์หน้าที่สูงมาให้ แต่ก็ยังมีเรื่องที่เราไม่ชอบในเจ้า
V-Strom คันนี้ งานพลาสติกดูจะไม่สมราคาไปนิดและหน้าจอเรือนไมล์นั้นให้ความรู้สึกเหมือนของเด็กเล่นมากกว่า
และก็ยังไม่เข้าใจทำไมถึงไม่ให้ระบบ ABS แบบปิดได้มา
สุดท้ายคิดตำแหน่งท่อที่ดูจะไม่เหมาะเท่าไร
V-Strom ถือได้ว่าเป็นรถที่ดี
เจ้านี่มีประสิทธิภาพที่ดี ทุกอย่างทุกเซ็ตค่ามาอย่างดีและไม่เคยทำอะไรผิดพลาด ผมรู้สึกตื่นเต้นตอนที่ได้ขี่
ผมสนุกมากๆ คุณจะทำความเร็วในการเข้าโค้งได้ดีและขี่ได้แบบรวดเร็ว V-Strom
มีระบบการขับขี่ที่ไว้ใจได้และปลอดภัย
ด้วยราคาค่าตัวของ V-Strom 1000 ต้องบอกเลยว่าเจ้านี่คุ้มราคาค่าตัวสุดๆ
ด้วยราคาที่ถูกกว่า F800GS และ Tiger800XC ด้วยราคา 12,699 USD หรือ 698,000 บาทในไทย ที่มาพร้อมกับระบบช่วงล่างปรับค่าได้
เครื่องยนต์ที่ทรงพลัง และสมรรถนะของรถที่สมบูรณ์แบบที่สุดคันหนึ่งในตลาด หรือคุณจะเลือกซื้อแพ็คเกจขาลุยหรือ
Adventure
Package ได้
ซึ่งจะมาพร้อมกับสารพัดของเจ๋งๆ อย่างกล่องข้าง กันล้มแบบแคลชบาร์ การ์ดแฮนด์
ชิลด์หน้าแบบทัวร์ริ่ง และกันแคร้ง ซึ่งราคาจะอยู่ที่ 13,999 USD
[ขอบคุณบทความและภาพจาก MotorcycleUSA]
http://www.motorcycle-usa.com/