จะโจ่งแจ่งไปไหมถ้าจะบอกว่าที่หายๆ ไปก็ไปทำงานอยู่ในนิตยสารรถมอเตอร์ไบค์(ไซค์) เจ้าหนึ่ง(เหมือนเคยบอกแล้ว)
พอได้ทำงานตรงนั้นจริงๆ ก็เลยรู็สึกว่าเรามีช่องทางการสื่อสารแล้ว ซึ่งเป็นสาเหตุทำให้เราห่างจากบล็อคไป
นั้นหมายความว่าผมทำงานเป็นสื่อ สื่อกลางที่สื่อสารทุกอย่างอย่างตรงไปตรงมา
(ตรงจนโดนสปอนเซอร์ถอด Ads โฆษณามาแล้ว เพราะเขายอมรับไม่ได้ว่ารถเขา...)
*(รูป Ducati ไม่ได้เกี่ยวข้องกับข้อความแต่อย่างใน อย่าตีความกันไปเอง)
*(รูป Ducati ไม่ได้เกี่ยวข้องกับข้อความแต่อย่างใน อย่าตีความกันไปเอง)
แต่นอกจากกระแสตอบรับทางลบที่นานๆ จะมีมาสักทีแล้ว ตัวนิตยสารและผู้ทำเองได้รับกระแสตอบรับทางบวกบ่อยมากกว่า
ตัวผมเองเคยได้รัยคำติชมโดยตรงในส่วนงานของผมเองก็หลายครั้ง และเมื่อไม่กี่วันมานี้ก็มีครั้งที่ผมแอบอึ้งเกิดขึ้น
เป็นครั้งที่สามที่ได้กระแสตอบรับแบบคาดไม่ถึง จากคนที่ให้เกียรติมาลงในคอลัมน์ ทั้งสามครั้ง(และหลายๆ ครั้ง)ผมรู้สึกว่างานชิ้นนี้ยังไม่ดีเท่าที่ควรด้วยปัจจัยบางอย่าง แต่ผลตอบรับที่ได้กลับมากลับเป็นคำว่า "ขอบคุณมากเลยครับ" "ยอดเยี่ยมมากเลยน้อง" "โคตรเจ๋งเลย" "พี่ว่านี่แม่งสุดยอดแล้ว" "มันเปลี่ยนชีวิตผมเลยพี่" ถ้าไม่เจอกับตัวก็คงไม่รู้ว่าสิ่งที่เราเป็นตัวแทนสื่อสารออกไปนั้นมีอิทธิพลต่อชีวิตคนอื่นมากแค่ไหน แล้วเวลาที่เกิดเป็นผลลัพธ์ที่คาดไม่ถึงตอบกลับมานั้นเป็นอย่างไร
อย่างที่บอกไปว่ามีหลายครั้งที่ผมยังรู้สึกไม่โอดคกับงานเขียนชิ้นนั้นๆ แต่ด้วยเรื่องของจำนวนหน้า เวลา และอื่นๆ
ทำให้บางทีเราก็ต้องจำใจ ส่งเนื้อหาไปเท่าที่เราจะทำได้ดีที่สุดในตอนนั้น
พอกลับมาย้อนมองตัวเองก็รู้สึกว่า เราแม่งกากว่ะ ห่วยแตก
แต่พอเราไปเปิดหนังสือเจ้าอื่นดูก็แอบคิดในใจว่างานแบบนี้เอาตีนเขี่ยสามสี่ทีก็เสร็จ
หรือบางทีก็คิดว่าถ้าหนังสือเราทำงานกากๆ แบบนี้คงทำงานกันชิลล์น่าดู
นี่ล่ะคือสาเหตุว่าทำไมนิตยสารที่ผมมีโอกาสได้ร่วมงานอยู่ถึงเป็นอันดับ 1 ของวงการ
แต่ผมก็ไม่ได้เก่งจนจะไปตัดสินเด็ดขาดได้ว่าใครเก่งใครไม่เก่ง ใครเจ๋งใครไม่เจ๋ง
เราแค่ทำหน้าที่ของเราให้ดีที่สุดในฐานะสื่อที่เป็นอันดับหนึ่งของวงการให้ดีที่สุดก็พอ