บล็อคสุดท้ายที่อัพก็พร้อมกับอัพเดต Wix ตั้งแต่เมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา นานจัง
ช่วงหลายเดือนที่ผ่านมาเกิดอะไรขึ้นหลายอย่างในชีวิต คุณเองก็คงเช่นกัน
มีอย่างหนึ่งที่ผมควรจะทำ ซึ่งควรจะเริ่มทำตั้งแต่ Wix เสร็จคือ "หางานใหม่"
เชื่อว่าคงไม่มีใครอยากหางานใหม่บ่อยๆ หรอก โดยเฉพาะคนที่มีภาระหนี้สิน
ผมเองก็เช่นกัน
เห็นคนแชร์บ่อยๆ ในเฟสบุ้คว่ากรุ๊ปเลือด "เอ" เป็นพวกที่ไม่ชอบความเปลี่ยนแปลง
ผมในฐานะคนกรุ๊ปเอคงต้องบอกว่า "จริงครับ"
ก่อนหน้าที่จะมาทำงานอยู่ในบริษัทปัจจุบัน ก็ออกจากงานมาหลังจากที่เพิ่งทำได้เพียงหนึ่งเดือน
สาเหตุก็คือไม่สนุกและน่าเบื่อ
แน่นอนว่าเงินเป็นปัจจัยสำคัญ แต่ผมเชื่อว่าไม่มีใครอยากแค่ทำงานเพื่อได้เงินไปวันๆ หรอก
ผมเชื่ออย่างนั้นจริงๆ
งานที่ไม่ได้เกิดจากความชื่นชอบ ความหลงใหล หรือPassion (แหม ดัดจริต)
คงเป็นงานที่ซังกะตาย แต่หลายคนก็ไม่มีทางเลือก
ทีนี้ผมจึงหางานใหม่ โดยยึดความหลงใหล้ในตัวหนังสือ และความชื่นชอบในมอเตอร์ไซด์เป็นหลัก
และให้สัญญากับตัวเองไว้ว่าไม่ว่าออฟฟิศใหม่ที่เข้าไปจะดีหรือเหี้ยแค่ไหน
ก็จะอยู่แค่ ปีเดียว
คิดเอาเองตามประสาคนเพิ่งเข้าวงการมนุษย์ออฟฟิศว่าคงม่ไมีออฟฟิศไหนดีเลิศไปเสียทุกอย่าง
ออฟฟิศผมก็เช่นกัน แม้ทีมทำงานที่อยู่ด้วยจะสุดยอด น่ารัก เป็นกันเอง เฮฮา
แต่ก็ย่อมมีปัจจัยอื่นที่สร้างคลื่นในบึงน้ำที่นิ่งสงบได้เสมอ
บางทีก็แค่คลื่น บางคราก็พายุ บางครั้งหนักถึงขนาดน้ำวน หนักๆ ก็มีทอร์นาโดหอบคนหายไป
ทิ้งให้คนที่เหลือผจญคลื่นลมต่อไป
สารภาพว่าเคยจะถอดใจสละเรือก็หลายครั้งแต่ด้วยสัจจะที่ให้กับตัวเองเอาไว้
เลยตัดสินใจมองไปยังความสนุกที่รออยู่เบื้องหน้า
ผมบอกกับพี่ช่างภาพเสมอว่าผมเป็นพวกทำงานบนพื้นฐาน "ความสนุก"
ถ้าทำงานแล้วไม่สนุก ก็คงรู้สึกแย่และงานที่สร้างขึ้นคงไร้ชีวิตชีวาแน่ๆ
แต่หลังจากทำงานจนครบปีก็ยังไม่ตัดสินใจลาออกสักที
เหตุผลที่ให้กับตัวเองคือ ยังไม่มีคนมาแทน
ที่ออฟฟิศยังหาคนเพิ่มไม่ได้สักที แล้วเราก็มองว่าถ้ายังอยู่ต่อไป ก็มีแต่สิ่งดีๆ สิทธิดีๆ
สิทธิพิเศษที่คนหาเช้ากินค่ำฐานะปานกลางค่อนมาล่างๆ คงหาได้ยาก
จุดนี้ล่ะที่ทำให้เรารู้สึกว่าเราเริ่ม "หลง"
หลงแบบที่คนทำอาชีพนี้บางคนหรือหลายคนคงเป็นกัน
เอาว่ะลองอยู่ต่ออีกสักพักก็ได้ เราบอกกับตัวเอง
เท้าความตั้งไกลมาเข้าเรื่องสักที
ความรู้สึกตอนนั้นเหมือนกับเรากำลังถอยออกห่างจรวดของเราออกมา
สถานการณ์ค่อนข้างนิ่ง จรวดดีดตัวคงยังไม่จำเป็นต้องใช้
จนวันหนึ่งเราก็โดนตำหนิด้วยความรู้สึกที่ว่าเป็นการตำหนิที่มีมูลเหตุเจืออยู่น้อย
หลายคนในทีมก็โดน
ท้ายสุดก็มีบทลงโทษเกิดขึ้น บทลงโทษที่เหมือนเป็นตัวจุดชนวนจรวดของเรา
แต่ด้วยความคิดตอนนั้น
เรากำลังโดนดูถูก เราอยากเอาชนะ เราอยากลบคำสบประมาท
ผมเกลียดมากเวลาที่มีใครมาบอกว่าเราไม่เต็มที่กับงาน
จริงอยู่ที่มีคนวัดแค่ผลงานที่ออกมาโดยไม่สนใจขั้นตอนหรือวิธีการ
โชคดีที่ผมไม่ใช่คนโลกแคบแบบนั้น
ถ้าเป็นผม ผมจะตั้งคำถามว่าทำไมถึงไม่ดีล่ะ เพราะอะไร เหตุคืออะไร คนทำคิดอะไรอยู่
แบบเดียวกับที่ผมตั้งคำถามกับคู่แข่งในสายงาน
มีคนเชียร์ให้ผมเอาชนะเพื่อพิสูจน์ตัวเอง
แต่ก็มีคนบอกว่า พอมึงทำได้ทีนี้มึงก็จะถอยออกมายาก มึงกำลังยืดเวลาให้ตัวเองเฉยๆ
คนที่บอกก็คือคนที่เชียร์ให้ผมดีดตัวออกจากยานที่สวยแต่รูปมาแต่ไหนแต่ไร
เรารู้ตัวเองอยู่แล้วว่าเราตั้งใจทำงานแค่ไหน
เราให้ค่ากับงานที่ทำมากแค่ไหน
เราทุ่มเทแค่ไหน
เราทำอะไรเรารู้ตัวเองอยู่
เราไม่เห็นต้องสนคำพูดคนอื่นเลยสักนิด
"เราไม่เห็นต้องสนใจหรือให้ค่าคนที่เขาไม่เห็นค่าในตัวเรา"
ฟังดูเป็นประโยครักน้ำเน่า แต่จะว่าไปก็จริง
ที่นี้ก็ประจวบเหมาะมีคนจุดชนวนจรวดให้เราแล้วหลังจากเก้ๆ กังๆ มานาน
เราก็มานั่งสำรวจความพร้อมหลายๆ อย่าง
เอาล่ะเราออกมาอยู่เปล่าๆ ได้หนึ่งเดือนบวกพอมีเงินเหลือสำหรับเดือนถัดไป
เราก็มานั่งสำรวจความพร้อมหลายๆ อย่าง
เอาล่ะเราออกมาอยู่เปล่าๆ ได้หนึ่งเดือนบวกพอมีเงินเหลือสำหรับเดือนถัดไป
ดังนั้นจังหวะนี่ล่ะเหมาะที่สุดแล้วสำหรับการเปลี่ยนงานอย่างที่เราตั้งใจเอาไว้
ตอนนี้ก็ใกล้เวลาที่จรวดก็ออกตัวแล้ว
แต่บอกได้เลยว่าไม่ง่าย
มีความกดดัน มีรังสีแปลกๆ เจือด้วยความห่วงใยในทีมของเราอยู่บ้าง
ไหนจะแอนดรอยที่พยายามจะคุกคามจรวดเพื่อไม่ให้ดีดตัวไปได้สวยงามอย่างที่ตั้งใจ
แค่ตอนนี้ที่ผมตัดสินใจทำตามคำพูดของตัวเองโดยไม่ยึดอารมณ์ที่อยากเอาชนะเป็นที่ตั้ง
ผมว่าก็คงโอเคอยู่
ไม่รู้เหมือนกันว่าสุดท้ายจะดีดตัวออกมาได้อย่างสะบักสะบอมแค่ไหน
อย่างน้อยเราก็ได้เอาชนะความอยากเอาชนะของตัวเองและทำตามทำพูดที่ให้ไว้กับตัวเองได้เสียที
ทำได้โดยไม่ต้องแคร์อะไรหรือใครหน้าไหนเว้นแต่เงินในกระเป๋าและภาระหลักหมื่นต่อเดือน
ฮือออ ออ พูดแล้วเศร้ากินข้าวคลุกน้ำตาแพพ