ช่วงปีใหม่ใครๆ ก็ออกเที่ยวใช่มั้ยล่ะ ผมเองก็ด้วย
ตั้งใจไว้นานแล้วว่าอยากไปอยุธยาสักครั้ง ไม่ไกลเท่าไหร่ ไปคนเดียวสบายๆ
แต่โชคดีที่เพื่อนว่างพอดีก็เลยได้คนร่วมทางไปด้วยอีกสองคน นั้นคือเพื่อนและแฟน
ผมยืนยันได้ว่ารถ Motard เหมาะสำหรับการขับขี่ในเมืองมากด้วยปัจจัยหลายๆ อย่าง
แล้วขี่เที่ยวออกทริปล่ะจะไหวไหม ชิลด์ตัดลมก็ไม่มี แหม.. อย่างนี้ก็ต้องลองให้รู้แล้วล่ะครับ
สารภาพก่อนเลยว่าไม่มีรูปตอนขี่แม้แต่น้อย มีแต่รูปสถานที่ที่แวะไปเที่ยวเท่านั้น ซึ่งก็ยังน้อยอยู่ดี
ผมเคยตั้งใจว่าภายในปีนี้จะออกรถ 250 ซีซีสักคันแล้วขี่ไปเชียงใหม่ให้ได้
ทริปอยุธยาครั้งนี้ถือว่าเป็นทริปต่างจังหวัดครั้งแรกของผมกับเจ้า CRF 250M คันนี้เลย
เราเลือกขี่กันเส้นเลียบสายเอเชีย(ถ้าจำไม่ผิด) ซึ่งจะไปโผล่เข้าทางด้านหลังเกาะเมือง
เส้นนี้จะเป็นทางตรงยาวๆ ถนนดี สองข้างทางไม่เป็นปั๊มก็ทุ่งนา
จุดที่รถเล็กหน้าหวั่นเกรรงเป็นที่สุดก็คงหนีไม่พ้นรถใหญ่อย่างพวกรถสิบล้อ
ให้ตายเซ่ กว่าจะทำใจบิดแซงมาได้นี้ก็ลุ้นเหมือนกันนะครับ โดยเฉพาะรถสิบล้อที่ทำความเร็วสูงๆ
สถานที่แรกที่เราแวะกันคือ พิพิธภัณฑ์ล้านของเล่น เกริก ยุ้นพันธ์ เป็นพิพิธภัณฑ์ของครูในสมัยมหาฯ ลัย
ที่นี้จะมีของเล่นตั้งแต่สมัยดินปั้นยันของเล่นยุคใหม่ๆ เลยทีเดียว
โดยเสียค่าเข้า 50 บาท สำหรับผู้ใหญ่ ผมถือว่าไม่แพงนะสำหรับสถานที่เจ๋งๆ อย่างนี้
ตัวอาคารจะเป็นอาคารสองชั้นเปิดโล่ง อากาศถ่ายเท แถมช่วงที่ไปยังอากาศดีมากๆ
เดินดูของเล่นแวะถ่ายรูปไป เรื่อยเพลินสุดๆ
ความสนุกเวลาที่เดินที่นี่อย่างหนึ่งก็คือตอนที่กำลังมองๆ ของเล่นที่อยู่ในตู้แล้วเกิดแว้บแบบว่า
"เฮ้ย! ตัวนี้กูก็มี"
เพียงแต่ตอนนี้ไอ้เจ้าของเล่นตัวนั้นหายสาปสูญไปไหนแล้วก็ไม่รู้
เชื่อว่าที่นีจะเป็นกล่องความทรงจำใบใหญ่ของใครหลายๆ คน มากกว่าที่จะเป็นแค่โรงเก็บของเล่น
นอกจากข้างในอาคารแล้วบรรยากาศข้างนอกก็ชิลล์สุดๆ มีมุมให้พักผ่อนนั่งเล่น นั่งคุยกันสบายๆ
ก่อนที่จะเดินทางไปต่อหรือจะเดินชมต่อกันอีกก็ไม่ว่ากัน
หลายๆ คนจะใช้เวลากับที่นี่นานมาก บางคนมาก่อนผมยังเดินดูจนผมเดินออกแล้วก็มี
เนื่องด้วยกลัวเพื่อนที่ไปด้วยกันจะเบื่อเสียก่อน เลยต้องจำใจรีบๆ ถ่ายรูป
ซื้อของที่ระลึกเล็กๆ น้อยๆ อย่างแก้วน้ำสุดน่ารักแล้วเดินออกมาสมทบกับเพื่อน
ก่อนจะแวะกินอาหารที่ร้านอาหารหน้าพิพิธภัณฑ์แล้วตกลงกันว่าจะไปไหนต่อดี
นั่นสิจะไปไหนต่อดี..
ไอ้ผมเองก็ไม่มีแผนในหัวเสียด้วย กะแค่ว่ามาพิพิธภัณฑ์ ซื้อสายไหม แล้วก็กลับ
เลยต้องนั่งค้นหาสถานที่ท่องเที่ยวกันยกใหญ่จนกระทั่งเจอตลาดน้ำอโยธยา
ไม่รู้เหมือนกันว่าเป็นยังไง ไม่เคยถามใคร ไม่เคยได้ยิน แต่มาแล้ว ก็ต้องเที่ยวกันซะหน่อย
ออกจากพิพิธภัณฑ์ ขี่เส้นโรจนะข้ามฝั่งมาถึงแยกวงเวียนแล้วเลี้ยวซ้าย
ขี่ตรงไปอีกม่ไกลก็จะเจอป้ายใหญ่ๆ เลี้ยวเข้าไปเจอด้านในได้เลย น่าจะมีที่จอดฟรีอยู่บ้าง
แต่ดัน(เสือก)ไปจอดไอ้ที่เสียตังซะงั้น แต่ก็ยังดีกว่าจอดข้างนอกนะ ไม่งั้่นเดินกันขาลาก
คอนเซ็ปต์ของตลาดอโยธยาคงเป็นแนวตลาดน้ำแนวโบราณ อารมณ์แบบอยุธยาสมัยก่อน
แว้บแรกก็คิดแบบนั่น จนกระทั่งเดินไปได้ไม่ไกล ห่านแม่มไม่มีอะไรเลย
สิ่งที่ประทับใจในตลาดน้ำขุดปลอมๆ แห่งนี้ก็คือ
ป้อนนมปลาคราฟ
ไอติมกระทิแถมถ้วย
การแสดงแนวย้อนยุคฮาๆ ของคนรุ่นใหม่
.
.
.
หมดแล้ว แค่นี้จริงๆ
หมดแล้ว แค่นี้จริงๆ
ถ้าคนกรุงจะถ่อขับรถไปไกลๆ ยันอยุธยาเพื่อไปตลาดน้ำแห่งนี้ แนะนำว่าขับไปเส้นรามคำแหง-มีนบุรี
เที่ยวตลาดน้ำขวัญเรียมจะแหล่มกว่า ของกินเยอะกว่า ของกินอร่อย แม่ค้าก็น่ารัก คนเดินก็น่าเลิฟ
ของซื้อของขายที่นี่ก็มีหาซื้อได้ทั่วไปตามตลาดนัด
คลองถม สำเพ็ง ตลาดกลางคืนทั้งหลายแหล่
แหม่... เสียเที่ยวสุดๆ
สุดท้ายเราก็ออกจากตลาดน้ำปลอมๆ แล้วมาต่อแถวกันที่ร้านโรตีสายไหมที่อร่อยที่สุดในอยุธยา
"อาบีดีน"
ถามว่าอร่อยแค่ไหน ดูได้จากคนต่อแถว ให้ตายเถอะ แต่มาแล้วจะไม่รอก็เสียเที่ยว
เลยยืนรอ แถมยังเกือบถูกอีป้าสันดานเสียแซงแถวซะอีก
ถามมาได้ว่าต่อแถวอยู่รึเปล่า ไม่ต่อแถวแล้วกูจะมายืนหาพร่อมรึไง ฮะ!!
กว่าจะได้มาซึ่งโรตีสายไหม ก็ใช้เวลาเกินกว่า 30 นาที
ตอนขากลับว่าจะหาริมทางสวยๆ แวะถ่ายรูปซะหน่อย แต่ก็ดันขี่กันเพลิน
รู้สึกตัวอีกทีก็มาโผล่ข้างๆ ธรรมศาสตร์ซะแล้ว ก็เลยอดถ่ายรูปไปตามระเบียบ
ถือว่าประสบการณ์ความสำเร็จสำหรับทริปสายไหม
แล้วเจ้า CRF 250M ล่ะ ประสบความสำเร็จด้วยมั้ย
CRF 250M เป็นรถแนว Motard เปลือยซะยิ่งกว่าเปลือย แน่นอนว่าเวลาขี่ความเร็วสูงๆ ลมซัดเต็มๆ
ยิ่งเวลาตาหลังหรือแซงรถสิบล้อนี่แกว่งอย่างกับอะไรดี แต่ก็ไม่ถึงขั้นอันตราย
จังหวะเร่งแซงรถยนต์เวลาถนนโล่งๆ ก็พอได้ พอให้ไล่กันได้สนุกๆ
ไม่อยากบี้มากเพราะเพื่อนตามมาอีกคัน
พอมีจังหวะทางตรงโล่งๆ ยาวๆ เลยลองซัดดูบ้างว่าความเร็วสูงสุดจะประมาณไหน
จากที่เคยขี่ในเมืองใน 120 กม./ชม.+ พอมีพื้นที่มากขึ้นก็น่าจะไปได้ไกลขึ้น
จากการขี่ในโหมดปกติ ไม่ไล่รอบ ซัดเอาดื้อๆ ช่วง 0-80 นั่นถือว่ามาไวมาก พอ 81-120 ก็จะไหลๆ
แล้วก็จะมาตื้อตรงช่วง 130 กม./ชม. แล้วก็จะค่อยๆ ไต่ขึ้นไปซึ่งน่าจะได้ถึง 140 กม./ชม.
แต่ก็อย่าไปลากอะไรมากเลยครับ สงสารรถ
พอกลับมาถึงบ้านต้องบอกเลยว่าล้ามาก จากระยะไปกลับเกือบ 200 กม. และต้องปะทะลมตลอด
ไปอยากจะคิดเลยว่าถ้าจะต้องขี่ไปไกลๆ มากๆ ลาก 100 กม./ชม.+ ยาวๆ จะขนาดไหน
เพราะที 120กม./ชม. ขึ้นไป รถก็เริ่มมีอาการแกว่งแบบที่สัมผัสได้ชัดเจน
แต่ก็สนุกครับ ยิ่งมีเพื่อนไปด้วย ยังไงก็ต้องสนุกอยู่แล้ว
รถเล็กไม่ใช่อุปสรรคในการขี่เที่ยวเลย อย่าง PCX คันที่ไปด้วยกัน ก็เคยขี่ขึ้นทับเบิกมาแล้ว
ส่วนผมเองยังไงก็ต้องทำตามฝันให้สำเร็จให้ได้
ขี่รถไปเชียงใหม่ โอ้สสสส !!