อันที่จริงเจ้าหนุ่มหล่อจากค่ายปีกคันนี้ก็ไม่ใช่รถใหม่สดซิงแต่อย่างใด แต่เปิดตัวมาตั้งแต่ปี 2011
เจ้า CBR600F 2011 นั้นหลายคนอาจไม่ค่อยคุ้นหรือไม่เคยได้ยิน ผมเองก็เพ่งเคยเห็นเมื่อตอนที่นั่งปรู๊ฟงานเนี่ยล่ะ
ลองเซิร์ทหาข้อมูลดูก็เหมือนว่าในไทยจะไม่ค่อยมีคนให้ความสนใจสักเท่าใดนัก
แต่เดือนนี้จะมีนิตยสารเล่มหนึ่งจับ เจ้า CBR600F มาวัดกับ CB500F ชนกันให้รู้ไปเลยว่าใครคุ้มกว่าใคร
(ในต่างประเทศนะ บ้านเราไม่นำเจ้า CBR600F มาขาย)
สำหรับ CBR600F นั่นเรียกได้ว่ามีประวัติความเป็นมายาวนานพอสมควรเลยทีเดียว
โดยมีการเปิดตัว CBR600F ขึ้นครั้งแรกในปี ค.ศ.1987 จนหยุดไปในปี 2006
และกลับมาอีกครั้งในโมเดลปี 2011 ด้วยแฟริ่งสุดล้ำพร้อมกับระบบ ABS ตามสมัยนิยม
โดย CBR600F เป็นรถบิ๊กไบค์แนวสปอร์ต-ทัวร์ริ่ง (อย่าง Ninja 650) มาพร้อมกับไฟหน้าโคมเดียว ชิลด์กันลม
และหัวใจสำคัญคือเครื่องยนต์ 4 สูบเรียง อั๊ยย่ะ ใช่ ใช่ !!!!
ต้องบอกว่าช่วงหน้าที่ดูคล้ายคลึงกับนกของเจ้านี่ดูเตะตา น่าครอบครองเป็นยิ่งนัก
เฟรมตัวถัง Mono-Backbone ทำจาก Die-Cast Aluminium
ขนาดตัว กว้างxยาวxสูง อยู่ที่ 740 x 2,150 x 1,150 มม. ความสูงจากพื้นถึงที่นั่งคนขับเท่ากับ 800 มม.
มีระยะห่างฐานล้อเท่ากับ 1,430 มม. น้ำหนักตัว 194 กก. จุน้ำมันสูงสุด 19 ลิตร
มุมคาสเตอร์ 25 องศาระยะเทรล 99 มม.
CBR600F มาพร้อมกับเครื่องยนต์ 4 สูบเรียง DOHC 16 วาล์ว 599 ซีซี. ระบายความร้อนด้วยน้ำ
ให้แรงม้าถึง 100 ตัวที่ 12,000 รอบ/นาที ให้แรงบิดสู.สุด 47.2 lb-ft ที่ 10,500 รอบ/นาที
ขนาดกระบอกสูบ x ช่วงชักเท่ากับ 67 x 42.5 มม. อัตราส่วนกำลังอัดอยู่ที่ 12:1
จ่ายน้ำมันด้วยระบบ PGM-FI ระบบส่งกำลังเป็นคลัทช์เปียกแบบหลายแผ่นซ้อนกัน + คอยสปริงค์
ระบบเกรด 6 ระดับ ขับเคลื่อนด้วยชุดโซ่สเตอร์
ระบบกันสะเทือนหน้าใช้โช้คอัพแบบเทเลสโคปิคหัวกลับขนาด 120 มม. กระบอกสีทองเข้าตาปรับแต่งระยะยุบตัวได้
ด้านหลังใช้ monoshock 46มม. ปรับระดับได้
ระบบห้ามล้อมาพร้อมกับเทคโนโลยี C-ABS ล้อหน้าใช้ดิสค์เบรคคู่ขนาด 296 มม. คาลิเปอร์ 3ลูกสูบ
ด้านหลังเป็นดิสค์เบรคขนาด 245 มม. คาลิเปอร์สูบเดียว
ยางหน้า 120/70 ZR17M/C ยางหลัง 180/55 ZR17M/C
ถึงแม้เจ้า CBR600F จะมีแรงม้าสู้ CBR600RR ไม่ได้แต่ก็มีกำลังในรอบต่ำและกลางที่ดีกว่า
และด้วยความที่เป็นบิ๊กไบค์ในระดับกลางๆ 600 ซีซี. จึงเหมาะกับงานใช้งานในชีวิตประจำวัน
แต่ถ้าเกิดนึกคึกขึ้นมาเครื่องยนต์ก็จะตอบสนองต่อคันเร่งได้เป็นอย่างดี ให้การขับขี่ที่สนุกสนาน
และด้วยแรงบิดในรอบต้นและกลางที่มีอยู่มากนี่เองทำให้เจ้านี่ขับสนุกอย่างเหลือเชื่อ
ส่วนระบบกันสะเทือนที่ตั้งมาจากโรงงานก็ทำงานได้เป็นอย่างดีโดยไม่ต้องปรับเซตเพิ่มเติมแต่อย่างใด
แต่หากมีกระเป๋าสัมภาระเพิ่มเติมแบกเข้าไป อาจต้องมีการปรับแต่งสักเล็กน้อยเพื่อให้ทำงานได้ดีขึ้น
เพราะอย่างที่บอกไปว่าเจ้านี่เป็นสปอร์ต-ทัวร์ริ่ง ขี่ออกทริปคงสนุกน่าดู
ระบบเบรคเองก็ทำงานได้เป็นอย่างดีไม่มีงอแง อีกทั้งตำแหน่งที่นั่งที่วางได้อย่างพอเหมาะพอเจาะ
รองรับตำแหน่งตูดแถมยังนุ่มนั่งสบาย ไม่มีกระด้าง รับกับตำแหน่งของแฮนด์แบบคลิปออน
ที่ช่วยให้มีท่าทางการขับขี่ที่ลงตัว ลุยกันได้ไกลยิ่งขึ้นโดยไม่มีอาการปวดเมื่อย
ถือได้ว่า CBR600F นั่นเป็นอีกหนึ่งตัวเจ๋งสำหรับบิ๊กไบค์ระดับกลางหรือช่วง 600 ซีซี. เลยทีเดียว
แต่เราอาจไม่ค่อยมีโอกาสได้เห็นเท่าไร ตามร้านนำเข้าต่างๆ ก็ไม่นำมาขายกัน
600 ซีซี. 4 สูบคงเป็นที่ฮือฮาน่าดู แต่ด้วยความที่เปิดตัวมานานแล้วคนอาจไม่ค่อยสนใจกกันสักเท่าไรนัก
ใครที่อยากลองฟังเสียง ลองหาดูใน Youtube เสียงไพเราะมากมาย ยิ่งเวลาเปิดคันเร่งนะ โอ้โหหหหห
เอาเป็นว่าได้แต่ฝันแล้วกันนะครับ ฮา ฮา
ช่วงนี้ก็น่าฝนแล้วฝนตกทุกวัน กรุงเทพมหานครก็น้ำท่วมเป็นส่วนใหญ่ ตรงไหนที่ไม่ท่วมก็นับว่าโชคดีไป
ไม่รู้ว่าชายหมูสามทุ่มหายหัวไปไหน พอได้รับเลือกตั้งก็หายจ้อย
เจอแต่คุณชายหมอและญาติๆ เต็ม Facebook
ยังไงก็มั่นเช็คชุดโซ่สเตอร์หล่อลื่นให้บ่อยกว่าเดิมหน่อย แล้วก็ขับขีปลอดภัยกันทุกท่านนะครับ
เจ้า CBR600F 2011 นั้นหลายคนอาจไม่ค่อยคุ้นหรือไม่เคยได้ยิน ผมเองก็เพ่งเคยเห็นเมื่อตอนที่นั่งปรู๊ฟงานเนี่ยล่ะ
ลองเซิร์ทหาข้อมูลดูก็เหมือนว่าในไทยจะไม่ค่อยมีคนให้ความสนใจสักเท่าใดนัก
แต่เดือนนี้จะมีนิตยสารเล่มหนึ่งจับ เจ้า CBR600F มาวัดกับ CB500F ชนกันให้รู้ไปเลยว่าใครคุ้มกว่าใคร
(ในต่างประเทศนะ บ้านเราไม่นำเจ้า CBR600F มาขาย)
สำหรับ CBR600F นั่นเรียกได้ว่ามีประวัติความเป็นมายาวนานพอสมควรเลยทีเดียว
โดยมีการเปิดตัว CBR600F ขึ้นครั้งแรกในปี ค.ศ.1987 จนหยุดไปในปี 2006
และกลับมาอีกครั้งในโมเดลปี 2011 ด้วยแฟริ่งสุดล้ำพร้อมกับระบบ ABS ตามสมัยนิยม
โดย CBR600F เป็นรถบิ๊กไบค์แนวสปอร์ต-ทัวร์ริ่ง (อย่าง Ninja 650) มาพร้อมกับไฟหน้าโคมเดียว ชิลด์กันลม
และหัวใจสำคัญคือเครื่องยนต์ 4 สูบเรียง อั๊ยย่ะ ใช่ ใช่ !!!!
ต้องบอกว่าช่วงหน้าที่ดูคล้ายคลึงกับนกของเจ้านี่ดูเตะตา น่าครอบครองเป็นยิ่งนัก
เฟรมตัวถัง Mono-Backbone ทำจาก Die-Cast Aluminium
ขนาดตัว กว้างxยาวxสูง อยู่ที่ 740 x 2,150 x 1,150 มม. ความสูงจากพื้นถึงที่นั่งคนขับเท่ากับ 800 มม.
มีระยะห่างฐานล้อเท่ากับ 1,430 มม. น้ำหนักตัว 194 กก. จุน้ำมันสูงสุด 19 ลิตร
มุมคาสเตอร์ 25 องศาระยะเทรล 99 มม.
CBR600F มาพร้อมกับเครื่องยนต์ 4 สูบเรียง DOHC 16 วาล์ว 599 ซีซี. ระบายความร้อนด้วยน้ำ
ให้แรงม้าถึง 100 ตัวที่ 12,000 รอบ/นาที ให้แรงบิดสู.สุด 47.2 lb-ft ที่ 10,500 รอบ/นาที
ขนาดกระบอกสูบ x ช่วงชักเท่ากับ 67 x 42.5 มม. อัตราส่วนกำลังอัดอยู่ที่ 12:1
จ่ายน้ำมันด้วยระบบ PGM-FI ระบบส่งกำลังเป็นคลัทช์เปียกแบบหลายแผ่นซ้อนกัน + คอยสปริงค์
ระบบเกรด 6 ระดับ ขับเคลื่อนด้วยชุดโซ่สเตอร์
ระบบกันสะเทือนหน้าใช้โช้คอัพแบบเทเลสโคปิคหัวกลับขนาด 120 มม. กระบอกสีทองเข้าตาปรับแต่งระยะยุบตัวได้
ด้านหลังใช้ monoshock 46มม. ปรับระดับได้
ระบบห้ามล้อมาพร้อมกับเทคโนโลยี C-ABS ล้อหน้าใช้ดิสค์เบรคคู่ขนาด 296 มม. คาลิเปอร์ 3ลูกสูบ
ด้านหลังเป็นดิสค์เบรคขนาด 245 มม. คาลิเปอร์สูบเดียว
ยางหน้า 120/70 ZR17M/C ยางหลัง 180/55 ZR17M/C
ถึงแม้เจ้า CBR600F จะมีแรงม้าสู้ CBR600RR ไม่ได้แต่ก็มีกำลังในรอบต่ำและกลางที่ดีกว่า
และด้วยความที่เป็นบิ๊กไบค์ในระดับกลางๆ 600 ซีซี. จึงเหมาะกับงานใช้งานในชีวิตประจำวัน
แต่ถ้าเกิดนึกคึกขึ้นมาเครื่องยนต์ก็จะตอบสนองต่อคันเร่งได้เป็นอย่างดี ให้การขับขี่ที่สนุกสนาน
และด้วยแรงบิดในรอบต้นและกลางที่มีอยู่มากนี่เองทำให้เจ้านี่ขับสนุกอย่างเหลือเชื่อ
ส่วนระบบกันสะเทือนที่ตั้งมาจากโรงงานก็ทำงานได้เป็นอย่างดีโดยไม่ต้องปรับเซตเพิ่มเติมแต่อย่างใด
แต่หากมีกระเป๋าสัมภาระเพิ่มเติมแบกเข้าไป อาจต้องมีการปรับแต่งสักเล็กน้อยเพื่อให้ทำงานได้ดีขึ้น
เพราะอย่างที่บอกไปว่าเจ้านี่เป็นสปอร์ต-ทัวร์ริ่ง ขี่ออกทริปคงสนุกน่าดู
ระบบเบรคเองก็ทำงานได้เป็นอย่างดีไม่มีงอแง อีกทั้งตำแหน่งที่นั่งที่วางได้อย่างพอเหมาะพอเจาะ
รองรับตำแหน่งตูดแถมยังนุ่มนั่งสบาย ไม่มีกระด้าง รับกับตำแหน่งของแฮนด์แบบคลิปออน
ที่ช่วยให้มีท่าทางการขับขี่ที่ลงตัว ลุยกันได้ไกลยิ่งขึ้นโดยไม่มีอาการปวดเมื่อย
ถือได้ว่า CBR600F นั่นเป็นอีกหนึ่งตัวเจ๋งสำหรับบิ๊กไบค์ระดับกลางหรือช่วง 600 ซีซี. เลยทีเดียว
แต่เราอาจไม่ค่อยมีโอกาสได้เห็นเท่าไร ตามร้านนำเข้าต่างๆ ก็ไม่นำมาขายกัน
600 ซีซี. 4 สูบคงเป็นที่ฮือฮาน่าดู แต่ด้วยความที่เปิดตัวมานานแล้วคนอาจไม่ค่อยสนใจกกันสักเท่าไรนัก
ใครที่อยากลองฟังเสียง ลองหาดูใน Youtube เสียงไพเราะมากมาย ยิ่งเวลาเปิดคันเร่งนะ โอ้โหหหหห
เอาเป็นว่าได้แต่ฝันแล้วกันนะครับ ฮา ฮา
ช่วงนี้ก็น่าฝนแล้วฝนตกทุกวัน กรุงเทพมหานครก็น้ำท่วมเป็นส่วนใหญ่ ตรงไหนที่ไม่ท่วมก็นับว่าโชคดีไป
ไม่รู้ว่าชายหมูสามทุ่มหายหัวไปไหน พอได้รับเลือกตั้งก็หายจ้อย
เจอแต่คุณชายหมอและญาติๆ เต็ม Facebook
ยังไงก็มั่นเช็คชุดโซ่สเตอร์หล่อลื่นให้บ่อยกว่าเดิมหน่อย แล้วก็ขับขีปลอดภัยกันทุกท่านนะครับ